ประวัติ “LEGO” ของเล่นชื่อก้องโลก

เลโก้

“มีที่มาจากช่างไม้ชาวเดนมาร์ก” 

“ความหมายของชื่อ หรือ Lego คือ LEG GODT ที่แปลว่า “Play Well” แปลเป็นไทยคือ เล่นได้ดี”

“ในปัจจุบัน LEGO เป็นของเล่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และมีอายุรุ่นปู่ ราว 80 ปีเศษ”

“ในวันคริสมาสต์ จะมีการขาย LEGO ได้จำนวน 28 ชุด ในทุก ๆ วินาที!!” 

และนี่คือบางส่วนของเรื่องราวอันน่าทึ่งของ “ของเล่น” ในดวงใจของเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ทั่วโลก…
หากคุณคือคนหนึ่งที่ชื่นชอบ หรือรู้สึกคุ้นเคยไปกับของเล่นชนิดนี้
วันนี้ เราลองมาดูประวัติ และเรื่องราวที่น่าสนใจเบื้องหลังความน่าทึ่งของ LEGO ของเล่นชื่อก้องโลกนี้กันค่ะ 

ต้นกำเนิด

ในช่วงปี ค.ศ. 1932 ณ เมือง บิลลุนด์ (Billund) ประเทศเดนมาร์ก ช่างไม้มืออาชีพนามว่า Ole Kirk Christiansen กำลังประสบปัญหาทางการเงิน
แม้จะเป็นช่างไม้ฝีมือระดับปรมาจารย์ ทว่าวิกฤติเศรษฐกิจทำให้ธุรกิจของคุณลุง Ole ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ดีวิกฤตครั้งนั้น ได้แปรเปลี่ยนเป็นโอกาสครั้งสำคัญ เพราะคุณลุง Ole ได้ผันตัวจากช่างไม้ มาเป็นนักประดิษฐ์สินค้าชนิดต่าง ๆ ทั้ง เครื่องใช้ภายในบ้าน บันได ที่รองรีดผ้า บรรดาเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ สำหรับนั่งทำงานบ้าน รวมไปถึง “ของเล่นไม้”

แม้ในยุคเริ่มแรก ของเล่นไม้ของคุณลุง Ole จะไม่ได้มีหน้าตาเหมือนตัวต่อเลโก้ในปัจจุบัน แต่นั่นก็คือต้นกำเนิดของแบรนด์ดัง เพราะในปี ค.ศ. 1934 บริษัทของคุณลุง Ole ได้มีการจัดประกวดแข่งขันตั้งชื่อบริษัท และชื่อที่ชนะเลิศก็คือ LEGO ที่มีที่มาจากรากศัพท์ภาษาเดนมาร์กว่า LEG GODT ที่แปลว่า “Play Well” แปลเป็นไทยคือ เล่นได้ดี

ในขณะที่คำนี้นี่เอง ก็มีความหมายในภาษาลาตินว่า “I assemble” หรือ“I put together” แปลได้ว่า “ประกอบหรือวางเข้าด้วยกัน” ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของตัวต่อเลโก้ในยุคต่อมาอย่างที่เรารู้จักกันดีนั่นเองค่ะ 

นอกจากความโดดเด่นเรื่องคุณภาพ เล่นสนุก สมชื่อ “Play Well” แล้วนั้น ของเล่นของเลโก้ยังโดดเด่นที่สีสันฉูดฉาด สะดุดตา แม้ว่าการเคลือบสีลงบนของเล่นจะมีราคาแพง แต่บริษัทเลโก้ ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องของสีสันเหล่านี้มากอยู่ดี โดยการเคลือบสีของเลโก้จะต้องเคลือบให้ได้ถึง 3 ชั้น ซึ่งถือเป็นกรรมวิธีการผลิตของเล่นที่ไม่ธรรมดาในยุคนั้น และไม่มีใครทำกัน นับเป็นหนึ่งในกระบวนการผลิตที่ตรงกับคติของบริษัทว่า ของเล่นของที่นี่จะต้องดีที่สุดเท่านั้น ถึงจะดีพอ Only the best is good enough”

อุปสรรคของธุรกิจ

ธุรกิจของเล่นของเลโก้ ดำเนินไปได้อย่างดี ของเล่นของบริษัทนี้ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม อย่างไรก็ดี ทุก ๆ ธุรกิจล้วนมีปัญหา
แม้ของเล่นจะขายดิบขายดี ทว่าปัจจัยภายนอกอย่างเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงในปี ค.ศ. 1942 ทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน
โรงงานของเลโก้ถูกเผาทำลายเรียบเป็นหน้ากอง 

แต่ก็นับเป็นโชคดีนะคะ ด้วยความไม่ยอมแพ้ของทั้งเจ้าของโรงงานและบรรดาลูกค้า โรงงานเล็ก ๆ ของบริษัทของเล่นที่ในเวลาต่อมาจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก ได้ค่อย ๆ ฟื้นตัว ได้เริ่มสร้างโรงงานใหม่หลังจากนั้นในเวลาไม่นาน 

พลาสติกเปลี่ยนโลก

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเกิดขึ้นอีกครั้งในปี ค.ศ. 1947 เมื่อเลโก้ได้กลายเป็นบริษัทแรกในเดนมาร์กที่ซื้อเครื่องฉีดพลาสติกมาใช้ในกระบวนการผลิตของเล่นของบริษัท หลังจากนั้นภายในเวลาเพียง 2 ปี บริษัทเลโก้สามารถผลิตของเล่นพลาสติก และของเล่นไม้ออกมาได้ถึงกว่า 200 ชนิด ประกอบกับเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ยังคงติดค้างอยู่ในใจ ผู้บริหารรุ่นลูก อย่าง Godtfred Kirk Christiansen ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Junior Vice President ได้ตัดสินใจ ผลิตตัวต่อของเล่นจากวัสดุพลาสติก แทนวัสดุจากไม้เกือบทั้งหมดในเวลาต่อมา ซึ่งนั่นคือการเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ของเล่นเลโก้ไปโดยสิ้นเชิง เพราะของเล่นพลาสติกผลิตง่ายกว่า ต้นทุนต่ำกว่า สามารถผลิตได้ในปริมาณมากเพื่อขายแก่ลูกค้าจำนวนเยอะขึ้น สร้างยอดขายสูงสุดแก่บริษัทนับตั้งแต่เคยเปิดมาเลยทีเดียว

หลังจากนั้น ในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1954 บริษัทเลโก้ ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “LEGO Mursten” หรือ “LEGO Bricks” (ตัวต่อเลโก้) ผู้จำหน่ายของเล่นตัวต่อเลโก้พลาสติกอย่างที่เราคุ้นเคยกัน และได้จดทะเบียนจัดตั้งอย่างเป็นทางการ นับแต่นั้นเป็นต้นมา 

The Stud-and-Tube Coupling System เอกลักษณ์ชนะใจ

นอกเหนือจากความทนทาน สีสันสดใส เล่นสนุกแล้วนั้น เอกลักษณ์ที่ทำให้ตัวต่อเลโก้เข้ามาครองใจของเด็ก ๆ ทุกคนทั่วโลกได้คือ “ระบบการเชื่อมต่อด้วยปุ่มและท่อ” ซึ่งสิ่งนี้เลโก้เรียกว่า ” The Stud-and-Tube Coupling System” หรือระบบตัวต่อที่เราคุ้นเคยนั่นเองค่ะ

ในเริ่มแรกเลโก้ได้จำหน่ายของเล่นชุดที่เรียกว่า “Lego System of Play” ทั้งหมด 28  ชุด ประกอบไปด้วย อาคาร บ้าน ต้นไม้ รถยนต์ ป้ายสัญลักษณ์ ระบบจราจร โดยต่อมาก็ได้มีการคิดค้นระบบเชื่อมต่อด้วยปุ่มและท่อขึ้น โดยของเล่นของเลโก้จะเป็นตัวต่อที่มีปุ่ม และกระบอกคล้ายท่อ เพื่อให้สามารถนำตัวต่อแต่ละชิ้นมาต่อเข้าด้วยกันได้อย่างไม่จำกัด กลายเป็นระบบที่ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการของเล่น และมีบทบาทในการปฏิวัติวิธีการละเล่นของเล่นทั่วโลกไปโดยสิ้นเชิง

ระบบ System of Play และระบบเชื่อมต่อด้วยปุ่มและท่อสามารถครองใจเด็ก ๆ ทุกคนที่ได้มีโอกาสสัมผัสเลโก้ เพราะระบบนี้เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ใช้จินตนาการของตัวเองแต่งแต้มสร้างสรรค์การละเล่น สร้างชิ้นงาน แบบไม่ต้องถูกจำกัดอยู่บนระบบระเบียบที่วางไว้เฉพาะแต่ในคู่มือเท่านั้น ซึ่งระบบที่ว่าก็ได้นำเลโก้สู่ความสำเร็จทั่วโลก อย่างที่ไม่เคยมีมา และยังคงอยู่ ยืนหยัดเพื่อแต่งแต้มความคิดสร้างสรรค์ของเด็กทุกคน ตราบจนปัจจุบัน 

และนี่คือเรื่องราวของเลโก้ และประวัติการผลิตของเล่นที่เปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละยุค  ที่ยังคงดำเนินการสืบทอดมาแม้ล่วงเวลามาแล้วกว่า 80 ปี
ซึ่งเราก็มั่นใจค่ะว่าแม้เวลาจะผ่านล่วงเลยไปเพียงใด หรือมีเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์สมาร์ทโฟนเข้ามาแทนที่ของเล่นแบบเดิม ๆ หลาย ๆ  ชิ้น ทว่า “เลโก้” ก็จะต้องยังคงอยู่ เป็นของขวัญ เป็นรางวัล และเป็นของเล่นเพื่อเสริมจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์สำหรับทุก ๆ คน
ได้ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน